23.00 น. พร้อมกันที่ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ชั้น 4 ประตู 10 ROW U เคาน์เตอร์ สายการบินเอมิเรตต์ Emirate Airline (EK) โดยมีเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกด้านการเช็คอินให้แก่ทุกท่าน
02.00 น. ออกเดินทางสู่ เมืองดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ โดยเที่ยวบินที่ EK 377 (บริการอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่อง)
06.00 น. เดินทางถึง ท่าอากาศยานนานาชาติดูไบ (เพื่อรอเปลี่ยนเครื่อง)
08.40 น. ออกเดินทางสู่ เมืองซูริค ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ โดยเที่ยวบินที่ EK087
13.20 น. เดินทางถึงเดินทางถึง สนามบินซูริค ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ (เวลาท้องถิ่นช้ากว่าประเทศไทย 6 ชั่วโมง)
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองลูเซิร์น (Luzern) (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง) หนึ่งในเมืองที่งดงามที่สุดของประเทศ
นำท่านถ่ายรูปกับ อนุสาวรีย์สิงโต (Lion Monument) ซึ่งสร้างขึ้นเพื่อเป็นการรำลึกถึงทหารหาญชาวสวิสผู้ซื่อสัตย์ต่อหน้าที่จนวินาทีสุดท้าย อนุสาวรีย์นี้คือสัญลักษณ์สำคัญของลูเซิร์นที่ไม่มีนักท่องเที่ยวคนไหนพลาดมาที่นี่
นำท่านชม สะพานไม้ชาเปล (Chapel Bridge) อันเป็นสัญลักษณ์ของเมือง และได้ชื่อว่าเป็นสะพานไม้ที่เก่าแก่ที่สุดในโลก ทอดยาวระหว่างแม่น้ำ Reuss โดยสร้างมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 14
จากนั้น ให้ท่านได้ชมความงามของสถาปัตยกรรมรอบๆตัวเมืองใน เขตเมืองเก่า (Oldtown) ด้วยตัวอาคารสไตล์ยุโรปผนวกกับร้านสมัยใหม่ ทำให้เป็นหนึ่งในความวิเศษของเขตนี้
ค่ำ บริการอาหารค่ำ ณ บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารท้องถิ่น พิเศษ! เมนูสวิสฟองดู แบบจัดเต็ม
ที่พัก Hotel Astoria Luzern หรือเทียบเท่าในระดับเดียวกัน
เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
จากนั้นเดินทางสู่ เมืองแองเกิลเบิร์ก (Engelberg) (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 40 นาที) พาท่านขึ้นสู่ ยอดเขาทิสลิส (Titlis) โดยกระเช้าหมุนแบบ 360 องศา ที่ความสูง 3,239 เมตร เข้าชม ถ้ำน้ำแข็ง (Ice Grotto) ที่ไม่เคยละลาย ชมทิวทัศน์ของยอดเขาต่างๆ ที่ปกคลุมไปด้วยหิมะอันขาวโพลนสร้างความงดงามให้กับขุนเขาเป็นอันมาก
กลางวัน บริการอาหารกลางวัน ณ Panorama Titlis restaurant ร้านอาหารที่อยู่ท่ามกลางเทือกเขาพร้อมกับวิวเทือกเขาแอลป์
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองเซนต์ กัลแลน (St.Gallen) (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2.30 ชั่วโมง) อีก 1 เมืองที่มีความเก่าแก่ และสวยงามเป็นอย่างมากจนได้รับการขึ้นทะเบียนจากองค์การยูเนสโก้ให้เป็นเมืองมรดกโลก ให้ท่านได้ เดินเล่นอิสระในตัวเมือง ซึ่งมีร้านค้ามากมายรวมถึงร้านของฝากต่างๆ เคล้ากับบรรยากาศของบ้านเรือนที่มีความสวยงามเป็นระเบียบเรียบร้อย
ค่ำ บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
ที่พัก Radisson Blu Hotel St. Gallen หรือเทียบเท่าในระดับเดียวกัน
เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
นำท่านเดินทางสู่ เมืองวาดุซ (Vaduz) (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง) เมืองหลวงของประเทศ ลิกเตน สไตน์ (Liechtenstein) เป็นประเทศเล็กๆ มีพื้นที่เพียง 160 ตารางกิโลเมตรเท่านั้น มีประชากรกว่า 5,100 คน ซึ่งประชากรส่วนใหญ่นับถือศาสนาคริสต์ นิกายโรมันคาทอลิก
จากนั้นอิสระให้ท่านเดินชมเมืองท่านจะได้พบกับ ศาลากลางเมืองวาดุซ (Vaduz City Hall) ตั้งอยู่บนถนนสาย Städtle ซึ่งเป็นย่านที่พักโรงแรม ร้านอาหารและคาเฟ่จำนวนมาก ที่นี่สร้างขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ.1932 ได้รับการปรับปรุงใหม่ในปี ค.ศ.1982 ถึง ค.ศ.1984 ด้านหน้าสามารถมองเห็นตราแผ่นดินซึ่งแกะสลักด้วยหินเหนือประตูทางเข้า นำท่านถ่ายรูปกับ วิหารเซนต์ฟลอริน (St. Florin Cathedral) สถานที่สำคัญที่เป็นที่รู้จักมากที่สุดในเมืองวาดุซ สร้างขึ้นในปี ค.ศ.1874 ด้วยสถาปัตยกรรมนีโอโกธิค เป็นศูนย์กลางของคริสตจักรนิกายโรมันคาทอลิกในวาดุซ
กลางวัน บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารท้องถิ่น
จากนั้นนำท่านเดินทางลงเข้าสู่ เมืองอินส์บรุค (Innsbruck) (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2.20 ชม.) เป็นเมืองหลวงของรัฐทีโรล ซึ่งอยู่ทางตะวันตกของประเทศออสเตรีย ตั้งอยู่บนที่ราบลุ่มแม่น้ำอินน์ กลางหุบเขาของเทือกเขาแอลป์ เป็นเมืองเล็กๆ ที่โอบล้อมด้วยภูเขาหิมะขนาดใหญ่ยักษ์ประกบอยู่ทางทิศเหนือ และทิศใต้ มีสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติ และสถาปัตยกรรมสวยงาม
จากนั้นนำท่านเดินชม ย่านเมืองเก่า (Old Town) บ้านเรือนที่ยังคงรักษาเอกลักษณ์ด้านสถาปัตยกรรมไว้ได้อย่างงดงาม ไม่ว่าจะเป็นซุ้มดอกไม้ หรือไม้เลื้อยตามประตู บานหน้าต่าง นำท่านชมอีก 1 ในสัญญาลักษณ์ที่สำคัญของเมืองอินส์บรุคคือ หลังคาทองคำ (Golden Roof) หลังคาสไตล์บารอกผสมสไตล์โกธิคที่ยื่นออกมาจากระเบียงตกแต่งด้วยทองคำแท้ จำนวน 2,738 แผ่น สร้างในศตวรรษที่ 16 เพื่อเฉลิมฉลองการอภิเษกสมรสครั้งที่ 2 ของจักรพรรดิแมกมิเลียนที่ 1 ชม หอคอยประจำเมืองอินส์บรุค (Stadtturm Innsbruck) ตั้งอยู่ในย่านเมืองเก่าใกล้กับอาคารหลังคาทองคำ สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1450 เดิมเป็นที่ให้สังเกตการณ์และยังเคยใช้เป็นที่คุมขังนักโทษอีกด้วย ปัจจุบันกลายเป็นหอชมวิวเมืองสำหรับนักท่องเที่ยว อิสระให้ท่านได้ชมเมืองตามอัธยาศัย
ค่ำ บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารจีน
ที่พัก Austria Trend Hotel Congress หรือเทียบเท่าในระดับเดียวกัน
เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
จากนั้นนำท่านเดินทางเข้าสู่ การ์มิช พาร์เทินเคียร์เชิน (Garmisch Partenkirchen) (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชม.) เมืองสวยในเขตเทือกเขาแอลป์ เป็นแหล่งเล่นสกีที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่ง เมืองแห่งนี้เคยเป็นสถานที่จัดโอลิมปิกฤดูหนาว 1936 บริเวณใกล้เคียงยังเป็นที่ตั้งของซุกสปิตเซ่ ภูเขาที่สูงที่สุดในเยอรมนี และยังเป็นบ้านเกิดของคีตกวีชื่อดังอย่าง ริชชาร์ท ชเตราส์ ซึ่งจะมีการจัดเทศกาลดนตรีริชชาร์ท-ชเตราส์ในเดือนมิถุนายนของทุกปี
จากนั้นนำท่าน นั่งกระเช้าลอยฟ้า Cable Car ขึ้นสู่ยอดเขาซุกสปิตเซ่ (Zugspitze) ซึ่งเป็นยอดเขาที่สูงที่สุดในเยอรมนี ให้ท่านเก็บภาพประทับใจจากจุดชมวิวบนยอดเขาที่สูงที่สุดใน บนความสูง 2,964 เมตร จากบนยอดเขาท่านจะมองเห็นวิวทิวทัศน์รอบตัวซึ่งประกอบไปด้วยยอดเขากว่า 400 ยอดในเขตแดนออสเตรีย อิตาลี ที่ทำให้เกิดกิจกรรมการท่องเที่ยวได้ทั้งปีคือ สกีในฤดูหนาวและเดินเขาในฤดูร้อน เมื่อมองจากยอดเขาจะเห็นทิวทัศน์งดงามกว้างไกลไปถึง 4 ประเทศด้วยกันคือ เยอรมนี ออสเตรีย อิตาลีและสวิสเซอร์แลนด์โดยมียอดเขาที่อยู่เคียงกันอีก 3 ยอดคือ แอล์ปสปิตซ์ (Alpspitz), ครอยเซ็ค (Kreuzeck) และแวงค์ (Wank)
เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารบนเขาซุกสปิตเซ่
จากนั้น นำท่านเข้าสู่ตัว เมืองมิวนิค (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.30 ชม.) ให้ท่านได้อิสระที่บริเวณ จัตุรัสมารีนเพทส (Marienplatz) ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชม. ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นของประวัติศาสตร์และธุรกิจของนครมิวนิค บริเวณนี้เป็นที่ตั้งของศาลาว่าการเมืองที่มีรูปแบบสถาปัตยกรรมแบบโกธิคที่งดงามซึ่งสร้างขึ้นในช่วงปลายคริสต์ศตวรรษที่ 19 ใช้เวลาสร้างถึง 42 ปี มีหอระฆังสูง 85 เมตร ซึ่งจะมีนักท่องเที่ยวรอคอยเฝ้าชมตุ๊กตาไขลานที่จะออกมาเต้นรำ เมื่อนาฬิกาตีบอกเวลา 11.00 น. และ 17.00 น. อิสระท่านเลือกซื้อสินค้าแบรนด์เนม และของฝากตามอัธยาศัย
ค่ำ บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารท้องถิ่น พิเศษ เมนูขาหมูเยอรมัน พร้อมเบียร์ ต้นตำหรับแท้
ที่พัก NH Muenchen Messe หรือเทียบเท่าในระดับเดียวกัน
เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
จากนั้นนำท่านเดินสู่ หมู่บ้านปรีน (Prien am Chiemsee) (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชม.) ซึ่งเป็นหมู่บ้านที่ใหญ่ที่สุดริมทะเลสาบคีมเซ หรือทะเลสาบบาวาเรีย ตั้งอยู่ใจกลางแคว้นบาวาเรียตอนเหนือระหว่างเมืองมิวนิคและซาล์สบวร์ก เมืองท่องเที่ยวที่สำคัญในเขตภูมิภาคทะเลสาบคิมเซ่ เพื่อนำท่านล่องเรือไปยัง เกาะแฮเร็นกลางทะเลสาบคีมเซ่ เข้าสู่ พระราชวังแฮร์เรินคีมเซ (Herrenchiemsee Palace) ซึ่งตั้งอยู่กลางทะเลสาบ เป็นพระราชวังที่ได้ขึ้นชื่อว่าสวยที่สุดของกษัตริย์ลุดวิกที่สองแห่งแคว้นบาเยิร์น โดยมีพระประสงค์ให้สร้างเลียนแบบพระราชวังแวร์ซายน์ แต่ให้หรูหราอลังการกว่าด้วยเทคโนโลยีอันทันสมัยในยุคนั้นมีทั้งน้ำประปา น้ำพุ ห้องน้ำ ห้องส้วม และระบบทำน้ำร้อนในอ่างอาบน้ำอีกด้วย
ให้ท่านได้เดินชมความงดงามภายในพระราชวังซึ่งไม่อนุญาตให้ถ่ายภาพภายใน และไม่ควรพลาดชมโคมระย้าใน ห้องเสวย (Chandelier of Meissen porcelain) ซึ่งกล่าวว่าเป็นโคมระย้าที่ใหญ่ที่สุดในโลก จากนั้นนำท่านนั่งเรือกลับสู่ ท่าเรือเมืองปรีน
กลางวัน บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารจีน
พาท่านเดินทางต่อไปยัง หมู่บ้านมรดกโลกที่ได้รับการขนานนามว่า เป็นหมู่บ้านมรกดกโลกที่สวยที่สุดในโลก ฮัลล์สตัท (Hallstatt) (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชม.) เมืองมรดกโลกที่อยู่ท่ามกลางขุนเขาและทะเลสาบ ตั้งอยู่ในรัฐอัปเปอร์ออสเตรีย มีประชากรไม่ถึง 1,000 คน แต่มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาเยือนกว่า 800,000 คนต่อปี ด้วยทัศนียภาพตระการตา ที่ธรรมชาติและมนุษย์ร่วมกันประกอบขึ้นทำให้ เป็นสถานที่ที่เป็น The Must ของยุโรปตะวันออก เลยทีเดียว ให้ท่านอิสระในการซึมซับบรรยากาศของเมืองมรดกโลก
ก่อนพาท่านชม เมืองเซ็นท์ วูฟกัง (St.Wolfgang) อีกหนึ่งเมืองที่มีทะเลสาบที่สวย และยังเป็นเมืองตากอากาศที่เลื่องชื่อของประเทศอีกด้วย ให้ท่านได้ผ่อนคลายอริยบทกับธรรมชาติและสถาปัตยกรรมที่อยู่กันอย่างกลมกลืนและลงตัว
*หากพักที่ฮัลล์ตัทท์ จะพาท่านเที่ยวที่เซ็นท์วูฟกังก่อน แต่หากพักที่เซ็นท์วูฟกัง จะพาท่านเที่ยวฮัลสตัทท์ก่อน** พีเรียดตั้งแต่ 1 ตุลาคม ถึง 31 มีนาคม เป็นต้นไป (ช่วงฤดูหนาว) หากได้ที่พักที่ฮัลล์ตัทท์ ขอสงวนสิทธิ์พาท่านไปเมืองฮัลล์ตัทท์ โดยไม่แวะที่เมืองเซ้นท์วูฟกัง เนื่องจากพระอาทิตย์ตกเร็วกว่าปกติ ท่านจะได้มีเวลาท่องเที่ยวอย่างเต็มที่
ค่ำ บริการอาหารเย็น ณ ภัตตาคารท้องถิ่น พร้อมเมนูปลาเทร้าช์
ที่พัก Heritage Hotel Hallstatt/ Scalaria Hotel หรือเทียบเท่าในระดับเดียวกัน
เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองกราซ (Graz) (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2.30 ชม.) อยู่ทางตอนใต้ประเทศออสเตรีย เป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับสองของประเทศรองจากเมืองหลวงอย่างกรุงเวียนนา นำท่านถ่ายรูปด้านหน้า พระราชวังเอกเกนเบิร์ก (Eggenberg Palace) พระราชวังออกแบบด้วยสถาปัตยกรรมแบบกอธิกและบาโรก เริ่มสร้างขึ้นตั้งแต่ศตวรรษที่ 15 โดยได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกเมื่อปี ค.ศ. 2010 ตั้งตระหง่านอยู่ริมเชิงเขา
นำท่านชม เขาชลอสเบิร์ก (Schlossberg Castle Hill) เป็นเนินเขาที่ปกคลุมไปด้วยต้นไม้ และเป็นที่ตั้งของ ป้อมปราการกลางเมือง รวมทั้ง หอนาฬิกาเก่าแก่ (Uhrturm) สัญลักษณ์ประจำเมือง ปัจจุบันเนินเขาแห่งนี้เป็นสวนสาธารณะสามารถมองเห็นวิวเมืองได้กว้างไกล เป็นที่ตั้งของสถานบันเทิงคาเฟ่ และร้านอาหารหลายแห่ง
จากนั้นชม ย่านเมืองเก่า (Old Town) เป็นที่ตั้งของศาลาว่าการเมือง (Rathaus), พิพิธภัณฑ์อาวุธโบราณ, สุสานแห่งกษัตริย์ Ferdinand ที่ 2 โบสถ์ต่างๆ รวมทั้งหอนาฬิกาที่จะมีหุ่นไม้แต่งกายแบบท้องถิ่นออกมาเต้นระบำตามเสียงเพลง นอกจากนี้ยังมีร้านค้า ร้านอาหารมากมายเรียงรายอยู่สองฝั่งถนน อิสระให้ท่านได้ซื้อของที่ระลึก และของฝากที่มีชื่อเสียงของเมือง
กลางวัน บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหาร
นำท่านเดินทางสู่ Designer Parndorf Outlet (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2.30 ชม.) เมืองให้เวลาท่านได้อิสระ ช้อปปิ้งสินค้าแบรนด์เนมมาก มาย อาทิ เช่น GUCCI, BALLY, HUGO BOSS ,BENETTON, BURBERRY, CALVIN KLEIN, CROCS, GEOX, GUESS, LACOSTE , NIKE, OAKLEY, DIESEL และอื่นๆอีกมากมาย อิสระท่านช้อปปิ้งตามอัธยาศัย
(เอ้าท์เลทปิดวันอาทิตย์ หากโปรแกรมตรงกับวันอาทิตย์ ขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงโปรแกรมเป็น SALZBRUG DESIGNER OUTELET แทน)
เย็น อิสระอาหารเย็น เพื่อความสะดวกและไม่เป็นการรบกวนเวลาช้อปปิ้งของท่าน
จากนั้นนำท่านมุ่งหน้าสู่ กรุงเวียนนา (Vienna) (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 40 นาที) เมืองหลวงของออสเตรีย และดนตรีคลาสสิค เป็นเมืองที่โมสาร์ทมาพำนักในยุคที่รุ่งเรืองของชีวิต เมืองหลวงแสนสวยที่ติดอันดับเมืองที่น่าอยู่ที่สุดในโลก
ที่พัก NH Hotel Danube City หรือเทียบเท่าในระดับเดียวกัน
เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
จากนั้นนำท่านเข้าชม พระราชวังและสวนเชินน์บรุน (Palace and Gardens of Schonbrunn) พระราชวังฤดูร้อนของราชวงศ์ฮับส์บวร์ค สร้างแบบบาโรก คำว่าเชินน์บรุน นั้น มีความหมายว่า น้ำพุร้อนอันแสนสวยงาม โดยมีการริเริ่มสร้างในช่วงปี ค.ศ. 1569 ตัวอาคารในปัจจุบันนั้นสร้างและต่อเติมในสมัยของพระนางมาเรีย เทเรซ่า โดยมีพระราชประสงค์ให้มีความยิ่งใหญ่และสวยงามทัดเทียมพระราชวังแวร์ซายน์ของราชวงศ์บูร์บง และด้วยพระองค์ทรงโปรดสีเหลืองมากจึงได้มีการใช้สีเหลืองโทนพิเศษตกแต่ง และต่อมาสีเหลืองโทนนี้นั้นจึงได้ชื่ออย่างเป็นทางการว่าสีเหลืองเทเรซ่า
กลางวัน บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารท้องถิ่น
จากนั้นนำท่านสู่ ถนนคาร์ทเนอร์ (Kartner Street) ถนนคนเดินแห่งแรกๆ ของยุโรป ที่มีมาตั้งแต่ในสมัยโรมัน เป็น 1 ใน ถนนที่มุ่งสู่กรงโรมในสมัยนั้น เป็นที่รู้จักกันในชื่อของ Strata Carinthianorum ก่อนจะถูกพัฒนามาเป็นถนนสายช้อปปิ้งในช่วงศตวรรษที่ 19 ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 บ้านเรือนส่วนมากถูกทำลายทางการก็ได้สร้างตึกรามบ้านช่องที่รูปแบบเดิม
นอกจากนั้นยังมีศาสนสถานที่สำคัญบนถนนแห่งนี้อีกแห่งหนึ่ง คือ อาสนวิหารสเตฟาน (St. Stephen's Cathedral) โบสถ์เก่าแก่ที่อยู่มาตั้งแต่ปี 1160 ตัวอาสนวิหารสร้างด้วยหินปูนมีความยาว 107 เมตร กว้าง 70 เมตร และ สูง 136.7 เมตร มีระฆังทั้งหมด 23 ใบ ใบใหญ่ที่สุดชื่อว่า ระฆังพุมเมริน ที่มีน้ำหนักถึง 20,130 กิโลกรัม ถือเป็นระฆังแบบแกว่งที่ใหญ่ที่สุดในออสเตรีย และเป็นอันดับ 2 ของยุโรป รองจากระฆังปีเตอร์ ของเยรมันเท่านั้น กล่าวกันว่าบิโทเฟ่นรู้ตัวว่าตนสูญเสียการได้ยิน เพราะว่าเมื่อหันมองไปบนอาสนวิหารแห่งนี้แล้วเห็นนกบินออกจากหอระฆังแต่กลับไม่ได้ยินเสียงระฆังเหมือนเคย
เย็น อิสระอาหารเย็น เพื่อความสะดวกและไม่เป็นการรบกวนเวลาช้อปปิ้งของท่าน
จนกระทั่งได้เวลา พอสมควรนำท่านเดินทางสู่ สนามบินนานาชาติกรุงเวียนนา เพื่อทำการเช็คอิน และทำคืนภาษี (TAX REFUND)
21.55 น. ออกเดินทางกลับสู่ กรุงเทพฯ ประเทศไทย โดยสายการบินเอมิเรตต์ เที่ยวบินที่ EK126 **บริการอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่อง **
06.35 น. เดินทางถึง สนามบินนานาชาติดูไบ (เพื่อรอเปลี่ยนเครื่อง)
09.30 น. เดินทางสู่ ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ โดยสายการบินเอมิเรตต์ เที่ยวบินที่ EK 372
18.40 น. เดินทางถึง สนามบินสุวรรณภูมิ กรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพ พร้อมความประทับใจมิรู้ลืม
365/687 ม.2 ถ.พุทธบูชา ซ.47 แขวงบางมด เขตทุ่งครุ กรุงเทพ 10140